วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เรื่องย่อ ขอมองรักด้วยหัวใจ (Angel Eyes)




กำกับ: ปาร์ค ชินอู
เขียนบท: ยูน จีรยอน
แนวละคร: เมโลดราม่า, โรแมนติก, การแพทย์, ครอบครัว
จำนวนตอน: 20
ออกอากาศ: เกาหลี - 5 เมษายน 2557 - 15 มิถุนายน 2557 ทางเอสบีเอส
             ไทย - ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.15 น.ทางช่อง 3 เอสดี (ช่อง 28) ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2559-21 พฤศจิกายน 2559

เรื่องย่อ



ละคร "ขอมองรักด้วยหัวใจ (Angel Eyes)" นำเสนอเรื่องราวของ "ปาร์ค ดงจู" และ "ยูน ซูวาน" ซึ่งต่างก็เป็นรักแรกของกันและกัน แต่มีเหตุให้ต้องพลัดพรากจากกันเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่นเพราะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับครอบครัวของดงจู ประกอบกับดงจูจำเป็นต้องเดินทางไปอเมริกากระทันหันในช่วงที่ซูวานเข้ารับการผ่าตัดเพื่อปลูกถ่ายกระจกตา

หลังผ่านไปนาน 12 ปีทั้งคู่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ซูวานซึ่งสายตากลับมาเป็นปกติกลายเป็นหน่วยกู้ภัยสาว ส่วนดงจูซึ่งฝันอยากเป็นนักดับเพลิงเหมือนบิดาผู้ล่วงลับมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดหัวใจและชื่อใช้ใหม่ว่า "ดีแลน" (เขาจบจากสถาบันชั้นนำในอเมริกา) เมื่อพบว่าซูวานเป็นคู่หมั้นของประสาทศัลยแพทย์หนุ่ม "คัง จีอุน" ดงจูจึงได้แต่เฝ้าดูซูวานอยู่ห่างๆ และคิดที่จะกลับอเมริกา แต่ซูวานเกิดรู้ความจริงเสียก่อนว่าหมอดีแลนที่แท้คือ "ดงจู" รักแรกที่ไม่เคยเลือนไปจากหัวใจของเธอ ในที่สุดทั้งคู่ก็กลับมาคบกันครั้งท่ามกลางปัญหาและอุปสรรคมากมาย แต่ยิ่งรักกันมากเท่าไหร่ทั้งคู่ก็ยิ่งเจ็บปวดใจ... "ดงจู" กับ "ซูวาน" จะลงเอยกันได้หรือไม่? มาร่วมลุ้นกันได้ใน  "ขอมองรักด้วยหัวใจ (Angel Eyes)" ทางช่อง 3 เอสดี (ช่อง 28)

เนื้อหาตอนที่ 1



ละครเริ่มต้นขึ้นด้วยเหตุการณ์อันน่าเศร้า ณ เวลาสามทุ่มในเมืองเซยอง เมื่ออุโมงค์ลอดภูเขาพังถล่มเป็นเหตุให้มีรถยนต์ติดอยู่ใต้อุโมงค์หลายคัน หนึ่งในนั้นคือรถยนต์ที่ "ยูน ซูวาน" นั่งมากับแม่ เมื่อได้รับแจ้งเหตุ "ปาร์ค ฮยองชิก"  (พ่อของดงจู) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงรีบรุดไปช่วยผู้ประสบเหตุทันที ทั้งๆ ที่เป็นช่วงออกเวรและกำลังทานข้าวพร้อมหน้ากับครอบครัว เมื่อพบว่ารอยปริร้าวบนเพดานอุโมงค์เริ่มขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงบอกให้ลูกทีมยุติภารกิจแล้วรีบอพยพทุกคน (รวมทั้งซูวาน) ออกจากที่เกิดเหตุ   ส่วนตัวเขาจะรีบตามออกไปทีหลังเพราะต้องอยู่ช่วยแม่ซูวานที่ยังคงหมดสติและติดอยู่ในซากรถก่อน ทั้งคู่จึงเป็นสองคนสุดท้ายที่ยังอยู่ในอุโมงค์ ครั้นพอช่วยแม่ซูวานออกจากซากรถได้สำเร็จอุโมงค์ก็พังถล่มเป็นแนวยาว ซ้ำยังมีรถยนต์ระเบิด พ่อดงจูและแม่ซูวานจึงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทั้งคู่

หลายปีต่อมา "ปาร์ค ดงจู" ซึ่งเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย ช่วยแม่หารายได้พิเศษด้วยการขี่จักรยานส่งอาหารเช้า (โจ๊ก) ตามบ้านในช่วงเช้ามืด ทุกครั้งที่ดงจูนำอาหารมาส่งที่บ้านซูวาน เขาจะเฝ้ามองและแอบฟังซูวานยืนท่องบทบรรยายเกี่ยวกับกลุ่มดาวอยู่บนระเบียงจนตัวเขาเองจำได้ขึ้นใจ ผิดกับซูวานที่ยังคงหลงๆ ลืมๆ... ขณะอยู่ในห้องเรียน "ยูน ซองดง" ครูใหญ่ประจำโรงเรียนมัธยมเซยอง ประกาศข่าวดีต่อหน้านักเรียนในห้องว่าดงจูสอบได้ที่หนึ่งของจังหวัด เห็นคะแนนของดงจูแล้วเขาอดรู้สึกเสียดายไม่ได้ที่ดงจูต้องการเป็นนักดับเพลิงเหมือนพ่อแทนที่จะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนแพทย์

เมื่อทางโรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่ท้องฟ้าจำลอง ดงจูถึงได้รู้ที่ซูวานยืนท่องคำบรรยายเกี่ยวกับกลุ่มดาวซ้ำไปซ้ำมาทุกเช้า เป็นเพราะเธอต้องนำข้อมูลดังกล่าวมาบรรยายประกอบภาพในฐานะวิทยากร (เธอเพิ่งมาทำงานวันแรกและยังคงหลงๆ ลืม ดงจูจึงรีบเข้าไปบอกให้เธอเปลี่ยนภาพประกอบคำบรรยาย) ดงจูดีใจมากที่ได้พบซูวานที่นี่ เขาคิดที่จะเข้าไปทักทายซูวานแต่เธอกลับเดินผ่านไปราวกับเขาไม่มีตัวตน แถมซูวานยังเข้ามาล้างมือในห้องน้ำชายตอนที่ดงจูกำลังทำธุระและยังไม่ทันได้รูดซิปอีกด้วย




"ยู จองฮวา" (แม่ของดงจู) เต้นรำอย่างมีความสุขหลังได้รับข่าวดีพร้อมกันถึงสองเรื่อง เรื่องแรกคือดงจูสอบได้ที่หนึ่งอีกตามเคย แต่เรื่องที่ทำให้เธอดีใจจนต้องเต้นรำฉลองคือการได้รับจดหมายและตั๋วเครื่องบินสามใบจากญาติที่อยู่อเมริกา เมื่อดงจูรู้ว่าน้องสาวตัวน้อย "ปาร์ค เฮจู" จะได้ไปผ่าตัดที่อเมริกาโดยญาติของเขาช่วยเป็นธุระจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่บินไปผ่าตัดตามนัด เขาจึงดื่มฉลองกับแม่อย่างมีความสุข (ดงจูดื่มน้ำเปล่าเพราะยังเป็นนักเรียน ส่วนแม่ของเขาดื่มโซจู) พอเริ่มเมาได้ที่จองฮวาก็บ่นดงจูที่ทั้งเรียนและทำงานจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนครั้นพอเธอห้ามก็ไม่ฟัง (ดงจูต้องออกไปส่งโจ๊กตอนเช้ามืด และทำงานพาร์ทไทม์ที่โรงหนังในตอนค่ำ)  ดงจูจึงแย้งว่าแม่เองก็ทำงานหนักเช่นกัน เพราะต้องต้มโจ๊กตลอดทั้งคืนและออกไปทำงานที่ห้างในตอนกลางวัน

ผู้อำนวยการท้องฟ้าจำลองซึ่งเป็นเพื่อนของหมอ "ยูน แจบอม" (พ่อของซูวาน) และเป็นคนโทรฯ บอกให้หมอยูนมาดูซูวานทำงานวันแรก กล่าวชมซูวานให้หมอยูนฟัง หมอยูนจึงกล่าวขอบคุณเพื่อนที่ให้โอกาสลูกสาวของตน ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่มั่นใจนักว่าซูวานจะทำงานนี้ได้ (ซูวานเป็นคนรบเร้าขอมาทำงานที่นี่) นับตั้งแต่เกิดเรื่องกับภรรยาและลูกสาวเมื่อหลายปีก่อนหมอยูนมักนอนค้างที่โรงพยาบาลแทนที่จะกลับบ้าน เขาอ้างกับเพื่อนที่เป็นผู้อำนวยการท้องฟ้าจำลองว่าถ้าตนกลับบ้านจะทำให้ซูวานลำบากใจ แต่เพื่อนของเขามองออกว่าที่เขาไม่ยอมกลับไปหาซูวานเป็นเพราะไม่อยากเจ็บปวดใจ หมอยูนบอกเพื่อนว่าจริงๆ แล้วตนตั้งใจจะกลับบ้านวันนี้ แต่นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิด "ฮัน อูจอง" ภรรยาผู้ล่วงลับของตน  เพื่อนของเขาปลอบใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของใครคนใดคนหนึ่ง หากเขาทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ก็ควรปล่อยวางและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ หมอยูนกล่าวว่าตนไม่อาจปล่อยวางเพราะอยากให้ซูวานเห็นทุกอย่างอีกครั้ง หากทำไม่ได้ตนก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นพ่อของเธอ




หลังดีเจรายการวิทยุบอกว่ากำลังจะเกิดฝนดาวตกลีโอนิดส์ (ฝนดาวตกสิงโต) ซึ่งเป็นเป็นฝนดาวตกที่มีความสว่างและหนาแน่น โดยจะตกลงมามากกว่าหนึ่งพันดวงต่อชั่วโมง ซูวานก็หอบกล้องดูดาวออกจากบ้านทันที  เมื่อดงจูนำโจ๊กไปส่งที่บ้านซูวานและเห็นเธอหอบกล้องดูดาวเดินออกจากบ้านเขาจึงหยุดมองด้วยความสงสัย แต่ซูวานยังคงเดินผ่านไปราวกับเขาไม่มีตัวตนเหมือนเมื่อคราวก่อน เขาจึงจอดรถแล้วเดินตามเธอไป เมื่อเห็นซูวานเดินตัดหน้ารถบรรทุกและกำลังจะถูกชน ดงจูก็รีบวิ่งไปช่วย พอเห็นซูวานใช้มือควานหากล้องดูดาวที่ตกอยู่บนพื้นดงจูถึงได้รู้ว่าซูวานตาบอด ในตอนนั้นซูวานจะนำกล้องไปดูฝนดาวตกกับแม่ผู้ล่วงลับตามสัญญา เพราะเมื่อหลายปีก่อนเธอชวนแม่ขับรถไปดูฝนดาวตกด้วยกันแต่ยังไม่ทันได้ดูก็ประสบอุบัติเหตุเสียก่อน เธอจึงรู้สึกผิดมาโดยตลอดที่มีส่วนทำให้แม่เสียชีวิตและคิดว่าตนเองถูกลงโทษให้ตาบอด

ดงจูเห็นซูวานถอดใจหลังควานหากล้องดูดาวไม่เจอจึงช่วยเก็บกล้องดูดาวให้และเดินตามซูวานไปเงียบๆ เมื่อซูวานจะเปิดประตูเข้าบ้านดงจูก็เรียกเธอและคืนกล้องดูดาวให้ ซูวานไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร เห็นใจ และไม่ต้องการเป็นภาระของผู้อื่น จึงย้ำว่าเธอไม่ได้ขอให้เขาช่วย ดงจูอ้างว่าถึงอย่างไรเขาก็ช่วยชีวิตเธอไปแล้ว เขาจึงขอใช้สิทธิในฐานะผู้มีพระคุณก้าวก่ายเรื่องของเธอสักเล็กน้อย โดยขอร้องซูวานว่าต่อจากนี้อย่าทำเรื่องที่เสี่ยงต่ออันตรายหรืออาจทำให้เจ็บตัวอีก เมื่อซูวานถามว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา ดงจูจึงบอกว่าเขากับเธอมีความเกี่ยวข้องกันไม่น้อย ข้อแรกเธอทำให้เขาปวดต้นคอทุกครั้งเวลาเข้าห้องน้ำ (หลังซูวานเข้ามาล้างมือในห้องน้ำชายคราวก่อน เขาก็หวาดระแวงและคอยหันกลับไปมองที่ประตู) เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงจึงข้ามไปยังข้อที่สองทันทีโดยชี้ว่าโจ๊กที่เธอทานทุกเช้าแม่เขาเป็นคนทำ ส่วนเขาเป็นคนนำมาส่ง ซูวานจำเสียงดงจูได้ (เขาเคยช่วยเธอที่ท้องฟ้าจำลอง) จึงเรียกเขาว่านักเรียนมัธยมและเตือนให้รีบเตรียมตัวไปโรงเรียน โดยรับปากว่าวันนี้เธอจะไม่ออกไปตายอีก

เมื่อดงจูไปที่ท้องฟ้าจำลองก็พบว่ามีนักเรียนชายกำลังกลั่นแกล้งซูวานหลังรู้ว่าเธอตาบอด เขาจึงรีบเข้าไปห้ามและลากตัวซูวานออกจากห้อง ทำให้ซูวานรู้สึกไม่พอใจที่เขาเข้ามาขัดขวางการทำงานของเธอ ดงจูไม่เข้าใจว่าทำไมซูวานถึงกดดันตัวเองให้ทำตัวเข้มแข็งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งยังใช้ชีวิตเยี่ยงคนตาปกติ แทนที่จะยอมรับสภาพอย่างมั่นใจและบอกให้โลกรู้ไปเลยว่าเธอมองไม่เห็น เพราะมันไม่ได้เป็นความผิดของเธอ ซูวานแย้งว่าเธอต้องใช้เวลาถึงสามปีกว่าจะขึ้นไปยืนบนโพเดี้ยมได้อย่างที่เขาเห็น ที่ผ่านมาเธอต้องฝึกทำเรื่องที่ตนเองเคยทำได้ง่ายๆ ไม่ต่างกับการหายใจเป็นเวลาถึงสามปีเต็มเพื่อให้ได้งานนี้ นี่จึงเป็นงานเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้ และยังเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองก็ทำประโยชน์ได้เช่นกัน พูดจบเธอก็บอกดงจูว่าอย่ามายุ่งกับเธออีก




ดงจูลองนำผ้ามาปิดตาแล้วเดินไปในที่สาธารณะ ทำให้เริ่มเข้าใจความรู้สึกและตระหนักถึงความยากลำบากของซูวานจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ หลังจากนั้นดงจูก็รีบกลับไปหาซูวานที่ท้องฟ้าจำลองด้วยใบหน้าอันบอบช้ำ (เขาถูกทำร้ายเพราะเดินเกะกะขวางทาง) ดงจูเห็นว่าเชือกรองเท้าของซูวานหลุดจึงช่วยผูกให้ เขาเข้าใจแล้วว่าเรื่องง่ายๆ ที่คนตาปกติทำจนเคยชินจะกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับคนตาบอด ซูวานรู้สึกตกใจเมื่อพบว่าดงจูกำลังร่ำไห้จนตัวสั่น ดงจูขอโทษซูวานและบอกว่าเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอต้องเจ็บปวดและมีชีวิตที่ยากลำบากถึงเพียงนี้ เมื่อดงจูเดินมาส่งที่บ้าน ซูวานก็บอกให้เขาเลิกสงสารเธอ  ดงจูแย้งกลับว่าตนไม่ใช่คนขี้สงสารและตนก็ไม่เหลือที่ว่างให้สงสารใครได้อีก (ชีวิตเขาเองก็รันทดมากพอแล้ว) เขาบันทึกเบอร์ของตนไว้ในโทรศัพท์ซูวานก่อนแนะนำตัวว่า "ชั้นชื่อปาร์ค ดงจู" เมื่อซูวานกลับเข้าบ้าน เธอก็เปรยกับตัวเองว่า "ชั้นชื่อซูวาน... ยูน ซูวาน"

หลังจากนั้นมิตรภาพของทั้งคู่ก็เริ่มผลิบาน ดงจูพาซูวานซ้อนท้ายจักรยานและยังสอนให้เธอปั่นจักรยานอีกด้วย (แต่แอบใช้รถเด็กที่เสริมล้อเล็กๆ อีกสองล้อเพื่อความปลอดภัย) เมื่อรู้ว่าซูวานชอบดูหนังเขาจึงพาเธอไปดูหนังในโรงหนังที่ตนเองทำงานพาร์ทไทม์ โดยบอกว่าจะกลับมารับก่อนหนังจบ แต่แล้วอยู่ๆ ก็เกิดเหตุเพลิงไหม้ในโรงหนัง ดงจูจึงรีบวิ่งไปตามหาซูวานและพบเธอนั่งร้องไห้ตามลำพังด้วยความหวาดกลัวในสภาพเนื้อตัวเปียกโชก (เพราะนั่งอยู่ใต้หัวกระจายนํ้าดับเพลิงอัตโนมัติ) เมื่อดงจูพาซูวานไปที่บ้าน ทั้งแม่และน้องสาวตัวน้อยของเขาก็ต้อนรับซูวานอย่างอบอุ่นเหมือนเป็นคนในครอบครัว

หมอ "โอ ยองจี" (จักษุแพทย์และเพื่อนของหมอยูน) มาพบหมอยูนที่ห้องทำงานกลางดึก เธอเห็นว่าหมอยูนยังไม่ยอมกลับบ้านและกำลังดื่มเหล้าตามลำพังจึงถามว่ากลัวเจอซูวานขนาดนี้เลยหรือ หมอยูนกล่าวว่าที่บ้านตนเต็มไปด้วยความทรงจำเกี่ยวกับภรรยาและซูวานในวัยเด็ก (ซึ่งมักจ้องมองท้องฟ้าผ่านช่องกระจกบนหลังคาเป็นชั่วโมงๆ) หมอโอเห็นว่าซูวานเหมือนไม่ค่อยอยากเข้ารับการผ่าตัดจึงถามหมอยูนว่าเขาถอดใจเรื่องการผ่าตัดซูวานแล้วหรือยัง หมอยูนกล่าวว่าไม่ว่ายังไงซูวานก็ต้องเข้ารับการผ่าตัด ตราบใดที่ยังมีลมหายใจตนจะไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด  หมอโอจึงบอกว่าเธอคิดแล้วคิดอีกว่าจะบอกเรื่องนี้กับเขาดีหรือไม่เพราะไม่อยากให้ความหวังแล้วทำให้เขาเสียใจทีหลัง แต่สุดท้ายก็บอกว่าตอนนี้เธอกำลังรอผู้บริจาคอยู่เคสหนึ่ง เธอจึงอยากให้หมอยูนไปกล่อมซูวานให้ยอมเข้ารับการผ่าตัด




ซูวานสงสัยว่าทำไมดงจูถึงเป็นคนเดียวในบ้านที่พูดสำเนียงท้องถิ่น ดงจูจึงบอกว่าตนโตที่บ้านเกิดพ่อก่อนย้ายมาอยู่ที่นี่ แม่ของตนมาจากกรุงโซล ส่วนเฮจูมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กๆ ตนเลยเป็นคนเดียวที่พูดสำเนียงท้องถิ่นเหมือนพ่อ ซูวานถามต่อว่าทำไมดงจูถึงเรียกแม่ว่า 'คุณจองฮวา' ดงจูกล่าวว่าช่วงเวลาที่แม่ของตนมีความสุขมากที่สุดคือตอนที่กำลังเดทกับพ่อ ในตอนนั้นพ่อของตนเรียกแม่ว่าคุณจองฮวา แม่เลยขอให้พ่อเรียกเธออย่างนั้นมาโดยตลอด แม้กระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตพ่อก็ยังเรียกแม่ว่าคุณจองฮวา ตอนที่จัดงานศพให้พ่อ แม่ต่อว่ารูปงานศพของพ่อด้วยความโกรธว่าจากนี้ไปใครจะเรียกเธอว่าคุณจองฮวา ตนไม่อยากให้พ่อได้ยินคำพูดไม่ดีจากปากของแม่เลยเรียกแม่ว่า 'คุณจองฮวา' หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา

ดงจูได้ยินซูวานใช้คำพูดแทนตัวเองว่า 'พี่สาว' เลยประท้วงว่าใครอนุญาตให้เธอเป็นพี่สาวตน ซูวานชี้ว่าดงจูกำลังเรียนมัธยมปลายปีสองจึงน่าจะอายุประมาณ 18 ปี ส่วนเธอกำลังจะอายุครบ 20  ปีเร็วๆ นี้ ดงจูไม่อยากเรียกซูวานว่าพี่สาวเลยหลุดปากบอกว่าใครเขาเรียกแฟนตัวเองว่าพี่สาวกัน ซูวานได้ยินไม่ถนัดดงจูจึงชี้ชัดว่าทำไมตนต้องทำเรื่องน่าอายด้วยการเรียกแฟนตัวเองว่าพี่สาว เมื่อเห็นซูวานนั่งอึ้ง ดงจูเลยยื่นหน้าไปจุ๊บแก้มซูวานเพื่อเป็นการยืนยันความรู้สึกของตน  ขณะที่ต่างฝ่ายต่างทำตัวไม่ถูกแม่ของดงจูก็โทรฯ มา ซูวานเห็นดงจูพูดติดอ่างอย่างมีพิรุธซ้ำยังกีดกันไม่ให้เธอคุยกับแม่ เลยถามว่าแม่ของเขาพูดอะไรบ้าง ดงจูกล่าวว่าแม่บอกให้ซูวานเลิกเป็นแฟนตนแล้วเปลี่ยนมาเป็นลูกสาวของแม่แทน (แม่ดงจูเตือนว่าถ้าซูวานคบกับดงจูมีแต่จะเสียเปรียบและขาดทุน) 




ซูวานลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า "ชั้นจะเป็น" เมื่อดงจูถามว่าเป็นอะไร ซูวานตอบว่า "เป็นแฟนนาย" จากนั้นก็ยื่นเงื่อนไขว่าเขาจะต้องแบ่งแม่และเฮจูให้เธอด้วย ดงจูเห็นว่าการเดทครั้งนี้ซูวานมีแต่ได้กับได้ (ได้เป็นทั้งแฟนดงจูและลูกสาวคุณจองฮวา) จึงถามกึ่งตัดพ้อว่า "นี่เธอชอบชั้นบ้าง..." ดงจูพูดยังไม่ทันจบซูวานก็เอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของเขาก่อนโน้มตัวลงมาจูบแทนคำตอบ ดงจูอึ้งไปชั่วขณะ พอหายตกใจแล้วเขาก็ประกาศให้โลกรู้ด้วยความดีใจว่า "ผมมีแฟนแล้ว!... ซูวาน!... ยูน ซูวานเป็นแฟนของผม!"


เนื้อหาตอนที่ 2

ซูวานมอบเครื่องบันทึกเสียงให้ดงจูโดยให้เหตุผลว่าเธออยากบอกเล่าเรื่องราวและแบ่งปันทุกสิ่งกับเขา และถ้าหากดงจูมีอะไรอยากแบ่งปันก็ให้บันทึกลงไปในเครื่องแล้วนำมามอบให้เธอ  "ชา มินซู"  (เพื่อนสนิทของซูวานซึ่งฝันอยากเป็นตำรวจ) เห็นว่าซูวานไม่ได้ฉลองวันเกิดหลายปีแล้ว เลยแอบบอกดงจูว่าอีกสองวันข้างหน้าจะเป็นวันเกิดซูวาน...  เมื่อหมอยูนกลับมาหาซูวานที่บ้านก็พบว่าซูวานกำลังจะออกไปฉลองวันเกิดที่บ้านเพื่อน เขาเห็นว่าวันนี้เป็นวันเกิดซูวานจึงนำข่าวดีเรื่องผู้บริจาคมาบอก พอรู้ว่าตนเองอาจได้รับการผ่าตัดเพื่อปลูกถ่ายกระจกตาเร็วๆ นี้  ซูวานก็เริ่มมีความหวัง เธอสารภาพกับพ่อว่าความจริงแล้วเธออยากกลับมามองเห็นอีกครั้ง ที่ผ่านมาเธอเฝ้าบอกตัวเองว่าถึงจะมองไม่เห็นก็ไม่เป็นไรเพราะนี่คือบทลงโทษ แต่ตอนนี้เธออยากเห็นหน้าใครบางคนใจจะขาด หมอยูนได้ยินดังนั้นจึงสัญญาว่าตนจะทำให้ซูวานมองเห็นให้จงได้




และแล้วสองพ่อลูกก็ต้องฝันสลายเมื่อทางผู้บริจาคเกิดเปลี่ยนใจ ซูวานสารภาพกับแม่ดงจูว่าเธอโกหกที่บอกว่าตนเองไม่เป็นไร ความจริงแล้วเธอทั้งเสียใจและผิดหวังเพราะอยากเห็นหน้าทุกคนในครอบครัวของดงจู แม่ดงจูจึงพูดปลอบใจและบอกจากใจจริงว่าหากเป็นไปได้เธออยากมอบดวงตาให้ซูวาน หลังทานข้าวห่อไข่ฉลองวันเกิดของซูวานแล้ว (ซูวานบอกดงจูว่าอาหารที่เธอชอบและอยากทานมากที่สุดคือข้าวห่อไข่ฝีมือแม่) ดงจูก็พาซูวานไปกระโดดบันจี้จัมพ์ (เพราะเป็นสิ่งที่ซูวานอยากทำมากที่สุด) ก่อนปั่นจักรยานฝ่าสายฝนไปส่งเธอที่บ้าน ดงจูมอบสร้อยคล้องนกหวีด (ที่พ่อของเขาทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า) ให้ซูวานเป็นของขวัญวันเกิดโดยบอกว่าเอาไว้เป่าเวลาที่เธอต้องการเจอตน ซูวานขอของขวัญเพิ่มอีกหนึ่งอย่างโดยบอกให้ดงจูสัญญาว่าจะไม่หายตัวไปหากเธอไม่อนุญาต ดงจูรีบรับปากด้วยความเต็มใจ

หลังกลับบ้านในคืนนั้นดงจูมีอาการไข้ขึ้นสูงทำให้ออกไปส่งโจ๊กไม่ไหว แม่ดงจูจึงออกไปส่งแทนแต่โชคร้ายถูกรถยนต์ชนแล้วหนี ทำให้มีเลือดออกในสมองและจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยเร็ว แม่ดงจูกลัวว่าตนเองอาจเสียชีวิตหลังเข้ารับการผ่าตัดจึงฝากให้ดงจูช่วยดูแลน้อง โดยกำชับว่าเขาต้องพาเฮจูไปผ่าตัดที่อเมริกาให้ได้ หลังจากนั้นก็ขอให้ดงจูทำเรื่องบริจาคดวงตาของเธอให้ซูวาน หมอ "ชเว จินซัง" นำใบแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะมาให้หมอยูนดู เมื่อเห็นเอกสารระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่าผู้บริจาคต้องการมอบดวงตาให้ซูวาน หมอยูนจึงถามถึงอาการของเธอทันที หมอชเวรายงานว่าช่องท้องของคนไข้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และถ้ายังคงมีเลือดออกในสมองต่อไปเรื่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนไข้จะเสียชีวิตกระทันหัน (หมอชเวชี้ช่องให้หมอยูน) แต่หมอยูนไม่อาจปล่อยให้คนไข้เสียชีวิตจึงบอกให้หมอชเวเตรียมการผ่าตัดทันที หมอชเวไม่เห็นด้วยที่หมอยูนจะทิ้งโอกาสไปแต่ก็พูดอะไรไม่ออก ขณะที่หมอยูนก็กำลังต่อสู้กับตัวเองเช่นกัน ในที่สุดเขาก็ถามหมอชเวว่ามีใครรู้เรื่องนี้บ้าง หมอชเวจึงบอกว่ามีเพียงตนกับหมอยูน




หลังได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลให้เตรียมตัวรอ ซูวานจึงคิดที่จะโทรฯ ไปบอกดงจูแต่ไม่สามารถติดต่อเขาได้ ในขณะที่ดงจูกำลังลุ้นระทึกและอธิษฐานให้แม่ปลอดภัยที่หน้าห้องผ่าตัด ซูวานเองก็กำลังลุ้นว่าจะได้ดวงตาของผู้บริจาคหรือไม่ แม้จะอยากมองเห็นมากแค่ไหนแต่อีกใจหนึ่งเธอก็รู้สึกไม่ดี เพราะถ้าหากเธอได้รับดวงตาย่อมแสดงว่ามีคนตาย ดังนั้น การที่เธอลุ้นและรอคอยดวงตาของผู้บริจาคอย่างใจจดใจจ่อก็เท่ากับว่าเธอกำลังหวังให้ใครบางคนเสียชีวิต เธอจึงรู้สึกเกลียดตัวเองที่เริ่มมีความหวังอีกครั้งและหวังว่าดงจูจะไม่เกลียดเธอที่เป็นคนแบบนี้ เพราะมันแย่ยิ่งกว่าการพรากจากกันตลอดกาลเป็นล้านเท่า

ในที่สุดหมอยูนก็ผ่าตัดให้แม่ดงจูได้สำเร็จ ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่พ้นขีดอันตราย ดงจูรู้สึกแปลกใจที่แม่ของตนได้เข้าพักรักษาตัวในห้องพิเศษสุดหรู หมอชเวอธิบายว่าห้องไอซียูไม่ว่าง ผอ.ยูน (หมอยูน) เลยสั่งให้พาแม่ดงจูมาพักรักษาตัวที่ห้องนี้เป็นกรณีพิเศษเพื่อจะได้เฝ้าระวังและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ดังนั้นดงจูจึงไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย หมอชเวบอกให้ดงจูกลับไปดูแลน้องสาวก่อนเพราะต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าแม่ของเขาจะฟื้น ในขณะที่ดงจูเดินออกจากโรงพยาบาลมีชายสูทดำคนหนึ่งคอยจับตาดูเขาพลางโทรฯ รายงานใครบางคนว่า การผ่าตัดประสบความสำเร็จ คงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าเธอจะฟื้นแต่ดูเหมือนว่าเธอจะจำรถยนต์คันที่ชนแล้วหนีได้ หลังจากนั้นก็มีใครคนหนึ่งซึ่งแต่งกายคล้ายหมอแอบเข้ามาฉีดยาบางอย่างลงในสายน้ำเกลือของแม่ดงจู




เมื่อหมอยูนเดินผ่านมาก็เห็นเงาใครบางคนเพิ่งออกจากห้องคนไข้ เขาจึงเดินไปที่ห้องของแม่ดงจูและพบว่าเธอหัวใจหยุดเต้น เขาจึงรีบกดปุ่มเรียกพยาบาลแล้วปั๊มหัวใจให้เธอ แต่แล้วอยู่ๆ เขาก็หยุดกลางคันพลางหันไปมองเครื่องเฝ้าติดตามการทำงานของหัวใจและสัญญาณชีพ (ไม่มีสัญญาณชีพ) จากนั้นก็นึกถึงเรื่องที่แม่ดงจูทำเรื่องบริจาคดวงตาให้ซูวาน เมื่อดงจูกลับมาหาแม่ที่ห้องผู้ป่วยเขาก็พบว่าหมอและพยาบาลกำลังวิ่งตรงไปที่ห้องแม่ ดงจูถึงกับช็อคเมื่อเห็นหมอยูนใช้ทั้งเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (ที่เจ้าหน้าที่เพิ่งนำมาให้) และพยายามปั๊มหัวใจให้แม่ หลังช่วยแม่ดงจูไม่สำเร็จหมอยูนก็แสดงความเกรี้ยวกราด เขาทุบหน้าอกแม่ดงจูพลางร้องเรียกให้เธอกลับมา ดงจูเห็นดังนั้นจึงเข้าไปห้ามเพราะไม่อยากให้แม่ทรมานอีก

ถึงแม้หมอยูนจะช่วยแม่ไม่ได้แต่ดงจูก็เข้าไปขอบคุณเขาที่พยายามยื้อชีวิตแม่ของตน และนั่นก็ทำให้หมอยูนยิ่งรู้สึกละอายใจ เขาไม่อาจรับการคำนับจากดงจูได้จึงเดินจากไปอย่างอ่อนแรง... ดงจูมัวแต่วุ่นอยู่กับการจัดงานศพแม่เลยไม่ได้ติดต่อหรือรับสายซูวาน คืนนั้นนักสืบ "คิม อูชอล" มาหาดงจูที่ห้องจัดงานศพแต่ไม่ยอมเข้าไปในห้องเคารพผู้ตายเพราะละอายใจที่การสอบสวนยังไม่มีความคืบหน้า เขาเรียกดงจูออกมาคุยด้านนอกพลางบ่นด้วยความเหนื่อยใจว่าผลการชันสูตรอย่างเป็นทางการยังไม่ออกมา แต่ดูเหมือนจะสรุปว่าเป็นผลมาจากอุบัติเหตุ ตนลองตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องผู้ป่วยแล้วแต่ไม่พบลายนิ้วมือเลย

เขากล่าวว่าแม่ดงจูโดนรถชนตอนเช้าตรู่ทำให้ไม่มีพยานรู้เห็นเลยยิ่งสืบหาความจริงยากเข้าไปใหญ่ ดงจูบอกอูชอลว่ารถที่ชนแม่ของตนเป็นรถหรูสีน้ำเงินอ่อน บางทีอาจเป็นรถนำเข้า อูชอลกล่าวว่าข้อมูลเพียงเท่านี้ยังไม่มากพอเพราะรถนำเข้าไม่ได้มีแค่คันสองคัน แถมช่วงเวลานั้นยังไม่สว่างแม่ของเขาจึงอาจเห็นรถสีดำเป็นสีน้ำเงิน ถ้าจะสืบให้ถึงต้นตออย่างน้อยๆ ต้องรู้เลขทะเบียนรถ ไม่อย่างนั้นก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร ดงจูถามว่าเขาจะถอดใจเพราะไม่สามารถจับคนร้ายที่ฆ่าแม่ตนงั้นหรือ อูชอลแย้งว่าตนไม่ได้บอกว่าจับไม่ได้เพียงแต่การที่จะสาวให้ถึงตัวคนร้ายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เขารับปากว่าจะจับคนร้ายให้ได้เพราะเขากินโจ๊กที่แม่ดงจูทำมานานหลายปี




ซูวานพยายามโทรฯ หาดงจูครั้งแล้วครั้งเล่าแต่เขาก็ยังไม่รับสาย หลังจัดงานศพให้แม่แล้วดงจูก็กลับมาที่บ้าน เมื่อญาติที่อเมริกาโทรฯ มาเตือนเรื่องการผ่าตัดเฮจู ดงจูจึงยืนยันว่าตนกับน้องจะเดินทางตามกำหนดเดิม หลังวางสายแล้วเขาก็พบว่าซูวานโทรฯ มาหาหลายครั้ง ทั้งยังฝากข้อความเอาไว้ด้วย (ดงจูลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน) พอรู้ว่าซูวานกำลังจะเข้ารับการผ่าตัดเขาจึงรีบไปหาซูวานที่โรงพยาบาลทันที ครั้นพอไปถึงซูวานก็ถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัดพอดี  ดงจูจึงได้แต่ร้องเรียกเธอทางด้านนอก หมอยูนได้ยินเสียงคนร้องเรียกซูวานจึงเดินไปดู เขาไม่นึกฝันว่าคนที่ทำให้ซูวานอยากกลับมามองเห็นอีกครั้ง ทั้งยังเป็นคนที่เธออยากเห็นหน้ามากที่สุดคือลูกชายของคนไข้ที่บริจาคดวงตาให้ซูวาน

หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง ดงจูจึงมาเยี่ยมซูวานที่ห้องผู้ป่วยแต่ซูวานยังคงหลับใหลไม่ได้สติ (หมอยูนมาเห็นเข้าพอดีจึงแอบดูอยู่ทางด้านนอก) ถึงกระนั้นดงจูก็กล่าวขอโทษที่ตนมาช้าและบอกเธอว่าเขากำลังจะเดินทางไปในที่ๆ ไกลมากสักระยะ เขาเสียใจที่ไม่ได้บอกเธอเร็วกว่านี้และขอโทษล่วงหน้าที่ปล่อยให้เธออยู่ตามลำพังเป็นเวลานานๆ แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแย่มากที่สุดคือการที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างซูวานตอนที่เธอลืมตา เขาสัญญาว่าจะกลับมาหาเธอ  ดังนั้นเธอห้ามลืมเขาและห้ามเปลี่ยนใจไปรักคนอื่น เขาขอร้องให้เธอรอพลางร่ำไห้ที่ต้องจากลาและทิ้งเธอไว้ตามลำพัง เมื่อหมอยูนกลับมาเยี่ยมซูวานอีกครั้งก็พบว่าดงจูทิ้งจดหมายกับโทรศัพท์เอาไว้ให้ซูวาน

ในขณะที่ดงจูกับน้องสาวกำลังเดินทางไปอเมริกา ซูวานก็อาละวาดและจะออกจากโรงพยาบาลไปหาดงจูให้ได้ เมื่อหมอยูนทราบข่าวเขาจึงซ่อนจดหมายและโทรศัพท์ของดงจูเอาไว้ในลิ้นชักทันที ซูวานเห็นดงจูเงียบหายไปนานจึงได้แต่เป่านกหวีดเรียกทั้งน้ำตา

12 ปีต่อมา ดงจูกลับมาที่เกาหลีอีกครั้ง เขาขี่จักรยานไปที่บ้านซูวานพลางนึกถึงวันเก่าๆ จากนั้นก็เปรยว่า "ชั้นกลับมาแล้ว!"

* เนื้อหาโดย luvasianseries / ภาพจากเอสบีเอส   

นักแสดงนำ


ลี ซังยุน
รับบท ปาร์ค ดงจู (ผู้ใหญ่) / ดีแลน ปาร์ค



คัง ฮานึล
รับบท ปาร์ค ดงจู (วัยรุ่น)



คู ฮเยซอน
รับบท ยูน ซูวาน (ผู้ใหญ่)



นัม จีฮยอน
รับบท  ยูน ซูวาน (วัยรุ่น)



คิม จีซอก
รับบท คัง จีอุน (ลูกชายโอ ยองจี / ทายาทโรงพยาบาลเซยอง)



ชอง จินยอง
รับบท ยูน แจบอม (พ่อซูวาน / ศัลยแพทย์ / ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเซยอง)



คง ฮยอนจิน
รับบท คี อุนชาน
คี อุนชาน เป็นอดีตหน่วยรบพิเศษ อดีตนักดับเพลิง และคุณพ่อลูกหนึ่ง (พ่อเลี้ยงเดี่ยว) ที่ผันตัวมาเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยประจำสถานีดับเพลิงเซยอง ก่อนย้ายไปเป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพในที่สุด  



ซึงรี
รับบท เท็ดดี้ ซอ
เท็ดดี้ เป็นหนุ่มสัญชาติเกาหลี-อเมริกันที่กลับมาเกาหลีเพื่อเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย เขาพูดภาษาอังกฤษสำเนียงเท็กซัส และพูดภาษาเกาหลีสำเนียงชุงชอง



ฮยอน จยูนี (ชูอัน)
รับบท ชา มินซู (ตำรวจสายสืบ / เพื่อนสนิทซูวาน)



ชอง เอรี
รับบท โอ ยองจี (แม่คัง จีอุน / จักษุแพทย์ / กรรมการบริหารโรงพยาบาลเซยอง)



ควอน เฮฮโย
รับบท คิม อูชอล (อดีตตำรวจสายสืบ)




รวมคลิปตัวอย่างจาก เอสบีเอส นาว



รวมคลิปเบื้องหลังจาก เอสบีเอส ทีวี จ็อบส์ และเอสบีเอส นาว


*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา