วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

เรื่องย่อ คำสาปร้ายวิวาห์รัก (Bride of the Century)




กำกับ:  ยูน ซังโฮ
เขียนบท:  เพ็ค ยองซุก
แนวละคร:  โรแมนติก, แฟนตาซี, เมโลดราม่า  
จำนวนตอน: 16
ออกอากาศ: เกาหลี - 22 กุมภาพันธ์ 2557 - 12 เมษายน 2557 ทางช่องเคเบิ้ลทีวีโชซอน
               ไทย - ทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 21.25 น.  ทางพีพีทีวี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2557 - 11 มกราคม 2558

เรื่องย่อ


ละคร "คำสาปร้ายวิวาห์รัก (Bride of the Century)" นำเสนอเรื่องราวความรักดุจเทพนิยายของสองหนุ่มสาว "ชเว คังจู"  ทายาทหนุ่มสุดแสนเย็นชาแห่ง "แทยังกรุ๊ป"  และ "นา ตูริม" สาวน้อยสู้ชีวิตจิตใจดีที่อาศัยอยู่กับยายบนเกาะเล็กๆ ทางตอนใต้ของเกาหลี



ทั้งคู่ต้องตกอยู่ภายใต้วังวนของคำสาปที่อยู่คู่กับตระกูลผู้ก่อตั้ง "แทยังกรุ๊ป" มานานนับ 100 ปี และคำสาปที่ถูกเล่าขานสืบต่อกันมาก็คือการที่ "เจ้าสาวคนแรก" ของลูกชายคนโตในตระกูลนี้ จะต้องมีอันเป็นไปในคืนแต่งงาน เพราะต้องสังเวยชีวิตให้กับภูติผีที่คอยปกป้องคุ้มครองบ้าน


 

"นา ตูริม" หาเลี้ยงตนเองและยายด้วยการเปิดร้านขายอาหารริมทะเลและขายของเล็กๆ น้อยๆ วันหนึ่งเธอได้ช่วยชีวิตหญิง (ผี) สาว ที่กระโดดทะเลฆ่าตัวตายเพราะช้ำรัก พอรู้สึกตัวหญิงคนดังกล่าวก็ต่อว่าตูริมที่มาช่วยช้าทำให้เธอกินน้ำทะเลไปหลายอึกและเกือบตายไปแล้วจริงๆ หลังจากนั้น เธอก็บ่นเรื่องที่ถูกผู้ชายหลอกลวง หญิงสาวคิดได้ว่าบ่นไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคนที่มี "ทรวดทรงเหมือนเด็กประถม" อย่างตูริมไม่มีวันเข้าใจเรื่องความรัก และคงไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักมาก่อน เธอจึงถอดสร้อยข้อมือของตนแล้วนำมาสวมให้ตูริมเพื่อเป็นการตอบแทน โดยบอกว่าสร้อยเส้นนี้ทำมาจากหินนำโชค หากเธอสวมติดข้อมือไว้จะมีโชคในเรื่องความรัก และจะมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต


ตูริมนำอาหารไปส่งที่ไซต์งานก่อสร้างของบริษัท โอซอง คอนสตรัคชั่น ซึ่งกำลังประสบปัญหาเรื่องสภาพคล่องถึงขั้นค้างจ่ายค่าจ้างแรงงาน เธอเห็นว่ามีคนเตะอิฐลงมาจากอาคารที่กำลังก่อสร้าง จึงรีบวิ่งเข้าไปผลัก "จาง อีฮยอน" (ซึ่งกำลังคุยโทรศัพท์กับน้องสาว "จาง อีคยอง" บริเวณด้านหน้าอาคาร) ให้พ้นทาง เลยโดนอิฐหล่นใส่หัวแบบเต็มๆ โชคดีที่เธอสวมหมวกกันน็อคทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร อีฮยอนซึ่งรอดตายหวุดหวิดถึงกับแข้งขาอ่อน แต่สิ่งที่ทำให้เขาช็อคก็คือใบหน้าของหญิงสาวที่ยืนตรงหน้า เขาจ้องมองตูริมชนิดตาไม่กระพริบ เพราะหน้าตาของเธอเหมือนอีคยองน้องสาว (ต่างสายเลือด) ของเขาราวกับฝาแฝด พอได้สติเขาก็ถามตูริมว่าศีรษะเธอเป็นอย่างไรบ้าง (และยังคงจ้องมองเธอแบบไม่วางตา)  ตูริมยืนยันว่าตนหัวแข็งและไม่เป็นอะไร  เพราะตนเคยฝึกศิลปะการต่อสู้มาบ้าง จากนั้นก็โม้ว่าความสามารถพิเศษของตนก็คือการใช้หัวทุบกระเบื้อง อีฮยอนจึงยื่นนามบัตรให้ตูริมแล้วบอกว่าหากมีปัญหาอะไรให้โทรฯ มา


อีคยองไม่รู้สึกตื่นเต้นและไม่ใส่ใจเรื่องที่พี่ชายบอกว่าเจอคนที่หน้าเหมือนเธอดุจฝาแฝด เพราะเธอกำลังทำหน้าที่สำคัญเพื่อบริษัทฯ และครอบครัว นั่นก็คือการไปรับคู่หมั้นหนุ่ม "ชเว คังจู" ที่สนามบิน (คังจูเรียนอยู่ที่เมืองนอกและถูกทางบ้านเรียกตัวกลับมา) ปรากฏว่า นอกจากเธอแล้วยังมีแฟนคลับและนักข่าวจำนวนหนึ่งมารอรับคังจูที่สนามบินด้วย อีคยองมอบช่อดอกไม้ให้คังจูและกล่าวต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มต่อหน้าสื่อ  คังจูรับช่อดอกไม้แล้วกล่าวขอบคุณตามมารยาท (แต่แอบทำหน้าเบ้ลับหลังสื่อ) จากนั้นก็เดินหนีไปอย่างไม่ใยดี  

ระหว่างนั่งรถออกจากสนามบิน คังจูทวงของที่วานให้ "ลี รูมี" ช่วยจัดเตรียมให้ จากนั้นก็ส่งของดังกล่าวให้อีคยองแล้วบอก (สั่ง) ให้เธอลองสวมดู พอเห็นว่าเป็นสร้อยคออีคยองก็รู้สึกซาบซึ้งใจและนำสร้อยเส้นดังกล่าวมาสวมใส่แต่โดยดี  คังจูพาอีคยองไปทานอาหารที่ภัตตาคารญี่ปุ่นสุดหรู อีคยองเลือกทานแต่สลัดเพราะเธอไม่ทานซูชิ เธออยากทำความรู้จักกับคังจูให้มากกว่านี้เพราะที่ผ่านมาคังจูอยู่ต่างประเทศจึงไม่มีโอกาสใกล้ชิดหรือเรียนรู้นิสัยซึ่งกันและกัน และนั่นก็ทำให้ต่างคนต่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายชอบหรือไม่ชอบอะไร แต่คังจูเห็นว่าไม่จำเป็นเพราะแม่ของเขาส่งรายละเอียดต่างๆ  ไปให้แม่ของอีคยองแล้ว 



แท้จริงแล้วคังจูพาอีคยองมาทานอาหารญี่ปุ่นเพื่อดักรอมาดามคาเนโกะ ซึ่งเป็นประธานของเจอาร์ กรุ๊ป เขาขอเวลาพูดคุยสักครู่แต่มาดามคาเนโกะปฏิเสธเพราะเกรงว่าจะไม่เหมาะสม เนื่องจากเธอได้ตัดสินใจว่าจะนำแบรนด์ของตนไปลงห้างอื่นแล้ว (ทั้งคู่คุยกันเป็นภาษาญี่ปุ่นซึ่งอีคยองเองก็ฟังเข้าใจและพูดได้เช่นกัน)  ครั้นพอเห็นสร้อยคอที่อีคยองสวม มาดามคาเนโกะก็หยุดกึกเพราะจำได้ว่าเป็นสร้อย "Eternal Love" ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบเครื่องประดับชิ้นแรกของสามีผู้ล่วงลับของเธอ คังจูพูดหน้าตาเฉยว่าตนใช้สร้อยเส้นนี้ขอความรักจากอีคยองทำให้ได้หัวใจเธอมาครอบครอง มาดามคาเนโกะกล่าวว่าสามีเธอก็เคยนำสร้อยเส้นนี้มาขอความรักจากเธอเช่นกันและในตอนนั้นเธอกับสามีก็มีความสุขมาก 

ในที่สุด คังจูก็เจรจาธุรกิจกับมาดามคาเนโกะได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้น เขาก็เรียกประชุมบอร์ดและเตรียมมุ่งหน้าไปที่บริษัทโดยไม่สนใจอีคยอง อีคยองไม่พอใจมากที่ถูกคังจูหลอกใช้เลยถามคังจูว่าเห็นตนเป็นแค่หุ่นเชิดหรืออย่างไร คังจูยอมรับว่าใช่และเตือนเธอว่าเขาและเธอถูกจับแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจล้วนๆ ดังนั้นจงอย่าหวังว่าเขาจะตกหลุมรักหรือปฏิบัติกับเธอเยี่ยงคนรัก  อีคยองได้ฟังดังนั้นก็ทั้งโกรธทั้งรู้สึกคับแค้นใจ แต่พอเจอ "ชเว คังอิน" น้องชายของคังจูและไอดอลหนุ่มขวัญใจวัยทีน อีคยองก็จำต้องฝืนยิ้มทักทาย (คังอินเพิ่งรู้จากอีคยองว่าพี่ชายของตนกลับมาเกาหลีแล้ว)


 

ทันทีที่เดินเข้ามาในช้อปปิ้งมอลล์ คังจูก็สั่งให้ปลดภาพวงมอนสเตอร์ (วงของน้องชายเขา) ที่แขวนอยู่ตามจุดต่างๆ ออก พร้อมทั้งสั่งให้ยกเลิกการต่อสัญญา เพราะการนำวงไอดอลขาโจ๋มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ไม่สอดคล้องกับภาพลักษณ์และกลุ่มเป้าหมายของทางห้าง ครั้นพอเดินผ่านเคาน์เตอร์ติดต่อสอบถาม เขาก็สั่งลูกน้องให้ไล่พนักงานหญิงประจำเคาน์เตอร์ออกทันทีโทษฐานที่แอบสูบบุหรี่  (แม้เธอจะฉีดน้ำหอมกลิ่นแรงกลบเกลื่อน แต่คังจูก็ยังได้กลิ่นบุหรี่อยู่ดี)

"มา แจรัน" ไม่พอใจที่อีคยองไม่รู้จักเก็บงำความรู้สึก เธอกลัวว่าจะเสียงานใหญ่จึงตบหน้าลูกสาวเพื่อเป็นการสั่งสอน และเตือนว่าหาก อีคยองไม่ได้แต่งงานกับคังจู บริษัท โอซอง คอนสตรัคชั่น ของพวกตนจะไปไม่รอดและล้มลงอย่างไม่เป็นท่า หากมัวแต่รักศักดิ์ศรีและรับไม่ได้ที่ถูกมองว่าเป็นหุ่นเชิด อีกหน่อยจะไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน ดังนั้น เธอจึงต้องอดทนจนกว่าจะได้เม็ดเงินลงทุนจากแทยัง กรุ๊ป


ระหว่างนั่งดื่มชา ประธานชเวกล่าวชมคังจูที่เจรจากับเจอาร์ กรุ๊ปได้เป็นผลสำเร็จ "คิม มยองฮี" แย้งว่าคังจูเพิ่งกลับมาเกาหลีวันนี้และเขายังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เข้าดำรงตำแหน่งซีอีโออย่างเป็นทางการ จึงไม่ควรมอบหมายงานที่ยากและหนักเกินไป ประธานชเวกล่าวเปรียบเทียบการทำงานกับพิธีชงชาว่า ต้องทำทีละขั้นตอนอย่างสุขุม รู้จักรอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม และต้องวางแผนหรือคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้า มยองฮีไม่พอใจที่คังอินไม่ยอมกลับบ้านและไม่โทรฯ มา มิซ้ำยังปิดโทรศัพท์ แต่ประธานชเวกลับชื่นชมคังอินที่รู้จักยืนด้วยลำแข้งของตนเอง คังจูเห็นแม่เป็นกังวลเรื่องที่น้องชายไม่ยอมกลับบ้าน จึงบอกแม่อย่างมั่นใจว่าคังอินจะกลับมาที่บ้านเร็วๆ นี้ (เพราะเขาเพิ่งยกเลิกการต่อสัญญากับวงมอนสเตอร์)

ตูริมโปรโมทร้านอาหารด้วยการโพสต์ข้อความลงในเว็บไซต์แฟนคลับวงมอนสเตอร์ ทำให้มีแฟนคลับตามมาที่ร้าน สองสาวฟังตูริมเล่าอย่างตื่นเต้นว่าเมื่อ 3 ปีก่อนวงมอนสเตอร์เคยมาถ่ายมิวสิควิดีโอที่ชายหาดแถวนี้ และได้แวะมาทานอาหารที่ร้านของเธอ แฟนคลับสาวได้ยินดังนั้นก็พากันตื่นเต้นและสั่งอาหารแบบเดียวกับเหล่านักร้องคนโปรดสั่งมาทานตูริมจึงมอบส่วนลดให้ 30% หลังทำงานอย่างหนัก ตูริมก็นำเงินน้ำพักน้ำแรงที่ได้ไปส่งให้กับบงซอกที่ร้านขายเครื่องสำอาง (ลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่)   



ในขณะที่ซินแสประจำตระกูลชเว (บ้านคังจู) ซึ่งพำนักอยู่ที่วัดอันเงียบสงบบนภูเขากำลังนอนหงายเงิบอย่างอ่อนแรง ผีสาวที่คอยปกป้องบ้านของคังจูก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเขาและบอกว่าหลังตนกลับไปแล้วจะมีผู้หญิงมาที่นี่ ไม่ว่าเธอคนนั้นจะขออะไรก็ให้ทำตามที่เธอร้องขอทุกอย่าง ซินแสแปลกใจเมื่อรู้ว่าจะมีคนมาหาเพราะตนไม่ได้นัดใครไว้ ปรากฏว่าคนที่มาหาซินแสก็คือแจรัน  เธอรู้ว่าเขาเป็นซินแสประจำตระกูลชเว จึงนำเงินมาติดสินบนเพื่อให้ซินแสทำนายอนาคตลูกสาวและล้วงความลับของตระกูลชเว

หลังดำน้ำจับหอยจับปลาในตอนเช้าและเปิดร้านขายอาหารตลอดทั้งวันแล้ว ตูริมยังขายกาแฟร้อนและบะหมี่สำเร็จรูปให้นักท่องเที่ยวที่มาเดินชมวิวในช่วงเวลากลางคืนอีกด้วย สองสาวแฟนคลับวงมอนสเตอร์มาเจอตูริมขายของตอนกลางคืนก็รู้สึกทึ่งในความขยัน ตูริมเห็นสองสาวพากันกรี๊ดหลังดูคลิปคังจูที่สนามบินในมือถือก็รู้สึกสงสัยว่าคังจูเป็นใคร สองสาวบอกว่าคังจูเป็นคนดังระดับโลกที่ทั้งหล่อและรวย แถมยังเป็นทายาทของแทยัง กรุ๊ป ทั้งคู่รู้สึกแปลกใจที่ตูริมไม่รู้จักคังจู จึงถามว่ารู้จักแทยัง กรุ๊ปมั๊ย ตูริมตอบว่าทำไมจะไม่รู้จักในเมื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บ้านเธอทั้งหมดล้วนผลิตโดยบริษัทในเครือแทยัง กรุ๊ป หนึ่งในสองสาวเพิ่งสังเกตว่าใบหน้าตูริมเหมือนอีคยองคู่หมั้นของคังจู แต่ยังไม่ทันได้ซักถามอะไรก็มีลูกค้าผู้ชาย 3 คนมาสั่งกาแฟแล้วเบี้ยวไม่ยอมจ่ายเงิน ตูรินจึงลงมือสั่งสอน 3 หนุ่มจนทั้งสามคนยอมจ่ายเงินให้ (หนึ่งในสองสาวแฟนคลับถ่ายคลิปเอาไว้)   



ตูริมขยันทำงานเพราะต้องการเก็บเงินส่วนหนึ่งไว้รักษาและดูแลยายให้มีความเป็นอยู่ที่สุขสบายขึ้น เธอตั้งใจเอาไว้ว่าถ้าได้เงินจากการลงทุน (แชร์ลูกโซ่) แล้วจะพายายไปตรวจสุขภาพ แต่พอครบกำหนดบงซอกกลับหอบเงินของทุกคนหนีไป ยายตูริมทราบข่าวก็ถึงกับเป็นลมล้มพับและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แม้จะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่หมอบอกว่ายายของตูริมควรเข้ารับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด

มยองฮีรู้ว่าสามีของตนอยากทำลายเรือนโบราณประจำตระกูลที่มีลักษณะคล้ายศาลเจ้า (ห้องสักการะ) จึงแย้งว่าแม่ของเขาสั่งเสียเอาไว้ก่อนตายว่าให้คอยดูแลเรือนดังกล่าว เธอยังบอกด้วยว่าสิ่งที่เขาควรทำลายไม่ใช่เรือนโบราณแต่เป็นภาพถ่ายและความทรงจำเกี่ยวกับรักแรกที่เขาเก็บเอาไว้ในห้องหนังสือ




ในขณะที่คังจูยังคงนั่งทำงานที่บริษัทจนดึกดื่น อีคยองก็มีนัดสังสรรค์กับเพื่อนๆ และหนึ่งในนั้นก็คือรูมี เมื่อเห็นเพื่อนๆ ชื่นชมสร้อยคอของอีคยอง รูมีก็บอกว่าสร้อยเส้นดังกล่าวมีราคาพอๆ กับอพาร์ทเมนท์หรูในย่านกังนัม แต่ถ้าเธอเป็นอีคยองเธอจะโยนสร้อยเส้นนั้นทิ้งลงถังขยะทันที  รูมีกล่าวว่าอีคยองเป็นผู้หญิงที่มีความอดทนสูงมาก แต่อีคยองคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้เลยต้องกล้ำกลืนฝืนทนครั้งแล้วครั้งเล่า

ขณะอยู่กันตามลำพัง อีคยองถามรูมีว่าทำไมว่าที่เจ้าสาวของคังจูถึงไม่ใช่รูมีแต่เป็นตน ทั้งๆ ที่รูมีเองก็ไม่มีอะไรด้อยไปกว่าตนเลย รูมีตอบว่าเพราะเธอเป็นลูกสาวอัยการสูงสุด แต่อีคยองเป็นลูกเจ้าของบริษัทก่อสร้าง ที่สำคัญก่อนหน้านี้ครอบครัวของเธอและคังจูเพิ่งมีเหตุบาดหมางหลังแทยังกรุ๊ปถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริตเรื่องบัญชี ประกอบกับแทยังกรุ๊ปหมายตาโอซอง คอนสตรัคชั่นมานานแล้ว อีคยองถามต่อว่า ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้วทำไมถึงยังไม่ยอมตัดใจ รูมีบอกว่าเธอกับคังจูโตมาด้วยกันและผูกพันกันตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าคังจูอยู่ที่ไหนเธอจะตามไปอยู่ข้างๆ เขาเสมอเพราะเขาเป็นคนสำคัญของเธอ รูมีเตือนอีคยองซึ่งเป็นเพื่อนกันมานาน 10 ปีว่า อย่าแสดงจุดอ่อนให้ตนเห็นเพราะตนจะนำมันมาเล่นงานและจะเข้ามาแทนที่อีคยองทันที


อีคยองขอบคุณเพื่อนที่อุตส่าห์เตือนและยืนยันว่าถึงยังไงเธอก็จะแต่งงานกับคังจูให้ได้ เพราะนี่คือโอกาสเดียวและโอกาสสุุดท้ายที่จะช่วยให้บริษัทและครอบครัวเธอผ่านพ้นวิกฤติด้านการเงินไปได้ รูมียิ้มเยาะแล้วบอกว่าอีคยองไม่ต่างอะไรจากขอทานที่ยอมละทิ้งเกียรติยศและศักดิ์ศรีของตนเพื่อแลกกับเงิน ทั้งยังเตือนว่าหากอีคยองขายศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด เธอก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดจริงๆ (ในเมื่ออีคยองไม่รักศักดิ์ศรีและไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ก็อย่าหวังว่าคนอื่นจะให้เกียรติและเห็นค่า) จากนั้นก็เตือนว่าอย่าลืมสวมสร้อยไปร่วมพิธีแต่งตั้งและงานเลี้ยงรับตำแหน่งในวันพรุ่งนี้ เพราะประธานคาเนโกะจะไปร่วมงานด้วย (คังจูจะเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารช้อปปิ้งมอลล์ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของแทยังกรุ๊ปอย่างเป็นทางการ)


แจรันแทบช็อคเมื่อพบว่าอีคยองหนีไปตั้งหลัก หลังทำใจเรื่องที่โดนคังจูและรูมีดูถูกไม่ได้ เธอจึงโกหกครอบครัวคังจูว่าที่อีคยองมาร่วมงานไม่ได้เป็นเพราะโรคกระเพาะกำเริบ แต่สุดท้ายก็ถูกมยองฮีจับได้ว่าอีคยองขับรถไปที่คังนึงในวันสำคัญของคังจู (คนของเธอได้ภาพมาจากปาปารัสซี่ เธอจึงสั่งให้ปิดข่าวเพราะก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าคังจูและอีคยองเลิกกันแล้ว) มยองฮีไม่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและไม่สนใจคำอธิบายของแจรัน สิ่งเดียวที่เธอต้องการก็คือเร่งจัดงานแต่งงานให้คังจูและอีคยอง แต่ก่อนอื่นทั้งสองครอบครัวต้องมารับประทานอาหารร่วมกันอย่างเป็นทางการก่อน หากคราวนี้อีคยองมาไม่ได้อีก เธอคงต้องหาเจ้าสาวคนใหม่ให้คังจู

แจรันทั้งร้อนใจและโมโหที่คนของเธอยังไม่พบเบาะแสของอีคยอง เธอกลัวว่าหากตามอีคยองกลับมาไม่ทันและข้อตกลงเรื่องการแต่งงานถูกยกเลิก บริษัทของเธอจะสั่นคลอนจนล้มไม่เป็นท่า (ถ้าได้เกี่ยวดองกับกลุ่มบริษัทใหญ่สุดในเกาหลีอย่างแทยังกรุ๊ป บริษัทของเธอจะได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินและได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุน) อีฮยอนพยายามปลอบใจและให้ความหวังแม่ว่ายังพอมีทางออก แต่ก่อนอื่นต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องนัดทานอาหารให้ได้ก่อน แล้วค่อยคิดหาทางออกกันอีกครั้ง


อีกด้านหนึ่ง ตูริมก็กำลังถังแตกและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหาเงินมาเป็นค่าผ่าตัดยาย ครั้นจะไปกู้เงินก็ไม่มีหลักประกัน เธอจึงแวะซื้อสลาก (ล็อตโต้) ในละแวกโรงพยาบาลมาเสี่ยงโชค แต่โชคกลับไม่เข้าข้าง ขณะล้วงกระเป๋าเสื้อบังเอิญสร้อยข้อมือนำโชคร่วงตกลงมา ตูริมจึงหยิบมาสวมแล้วตั้งใจว่าจะไปซื้อสลากมาเสี่ยงดวงเป็นครั้งสุดท้าย ขณะนับเงินเพื่อเตรียมไปซื้อสลากตูริมเห็นนามบัตรของ อีฮยอนปะปนอยู่กับธนบัตรจึงหยิบขึ้นมาดู ในที่สุด ตูริมก็ตัดสินใจโทรฯ ไปหาอีฮยอน โดยไม่รู้ว่าอีฮยอนมาตามหาเธอที่โรงพยาบาล และเห็นเธอกำลังนั่งกดโทรศัพท์พอดี  (เพื่อนบ้านตูริมบอกให้อีฮยอนมาที่นี่)


 

อีฮยอนรับสายตูริมและยืนมองอยู่ห่างๆ ตูริมพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าก่อนพูดเข้าประเด็นว่าเธอต้องการเงินค่ารักษาอาการบาดเจ็บที่ศีรษะหลังโดนอิฐหล่นใส่หัวที่ไซต์งานของเขา อีฮยอนได้ยินดังนั้นจึงบอกว่าเขาจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้ ตูริมตกใจมากและพยายามร้องบอก ว่าไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเอง  แต่อีฮยอนวางสายไปเสียก่อน พอเงยหน้าขึ้นตูริมก็ถึงกับผงะเมื่อเห็นอีฮยอนมายืนอยู่ตรงหน้า



ตูรินนั่งคอตกเพราะรู้สึกผิดที่โกหก พออีฮยอนบอกให้รวบผมขึ้น ตูริมก็โกหกต่อว่าหัวเธอไม่มีรอยแผลภายนอกแต่มีอาการบาดเจ็บภายใน  อีฮยอนไม่สนใจฟังคำอธิบายแบบส่งเดชของตูริม เขาลุกขึ้นมาเสยผมเธอพลางเปรยว่า "ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ"  ตูริมนึกว่าถูกจับได้จึงสารภาพว่าตนโกหกเพราะความจำเป็นและกล่าวขอโทษ  อีฮยอนพูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่า "ชั้นอยากให้เธอช่วย... มาเป็นคู่หมั้น... ของทายาทแทยังกรุ๊ป... ชเว คังจู" 


และนั่นก็เป็นที่มาของการเป็นคู่หมั้นและเจ้าสาวกำมะลอของตูริม โดยมีผีสาวประจำตระกูลชเวเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง

หลังจากนั้น ตูริมก็เดินทางไปที่กรุงโซลเพื่อสวมบทเป็นอีคยองชั่วคราว โดยมีอีฮยอนคอยให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาในฐานะพี่ชาย (อีฮยอนเป็นลูกบุญธรรมของแจรัน) หลังรู้เรื่องคำสาปจากซินแสและรู้ว่าแม่ของคังจูต้องการใช้ชีวิตลูกสาวตนเป็นเครื่องสังเวยคำสาป (เพื่อจะได้นำ  "ลี รูมี" มาเป็นสะใภ้แทน) แจรันก็แก้เผ็ดด้วยการส่งตูริมไปเป็นตัวตายตัวแทน แต่สุดท้ายคังจูและตูริม (อีคยองตัวปลอม) ก็ตกหลุมรักกันจริงๆ ขณะที่อีฮยอนเองก็ตกหลุมรักน้องสาวตัวปลอมด้วยเช่นกัน

หลังล่วงรู้เรื่องคำสาป ตูริมยังคงยืนกรานว่าจะเข้าพิธีวิวาห์กับคังจู แม้ต้องสังเวยชีวิตและได้เป็นภรรยาแค่คืนเดียวก็ตาม หลังผ่านบททดสอบของภูติผีที่คอยปกป้องตระกูลของคังจูมาได้ ตูริมจึงรู้ว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่คำสาป ภูติผี หรือความตาย หากเป็นความโลภและความเห็นแก่ตัวมนุษย์ เมื่อตูริมไม่ตายอย่างที่คิด แม่อีคยองจึงคิดที่จะกำจัดตูริม อีฮยอนล่วงรู้ถึงแผนการดังกล่าวจึงบุกเดี่ยวมาช่วยตูริมและโดนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่มยองฮีส่งคนมาช่วยเอาไว้ได้ทัน

เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ธาตุแท้ของแจรันและอีคยองก็ปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้น  หลังอีคยองตัวจริงออกมาทวงสิทธิของตน ตูริมจึงต้องกลับไปใช้ชีวิตในแบบเดิมๆ พร้อมหัวใจที่บอบช้ำ พอรู้ว่าผู้หญิงที่ตนรักและแต่งงานด้วยไม่ใช่อีคยอง คังจูก็รู้สึกสับสน ทั้งยังโกรธและรู้สึกเสียใจที่โดนหลอก  มยองฮีโดนแจรันและอีคยองตลบหลังด้วยการนำเรื่องในอดีตมาข่มขู่จึงต้องยอมตกเป็นเบี้ยล่าง (มยองฮีไม่เคยรู้มาก่อนว่าแม่ของเธอเป็นคนฆ่าเจ้าสาวคนแรกของประธานชเว เธอจึงเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่าเจ้าสาวคนแรกที่ประธานชเวมากรักเสียชีวิตเพราะคำสาป) 

คังจูไม่จำนนซ้ำยังหักหน้าอีคยองและแม่ของเธอในงานแถลงข่าวโดยประกาศว่าผู้หญิงที่ตนรักและต้องการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันคือ "นา ตูริม"  แจรันแค้นมากที่ถูกคังจูหักหลัง จึงสั่งให้ลูกน้องนำคลิปเสียง (คำสารภาพ) ของยายคังจูออกมาแฉแต่ก็สายเกินไป เพราะคังจูชิงสารภาพความผิดบาปของยายตนต่อบรรดาสื่อมวลชนก่อน ขณะที่มยองฮีเองก็ฮึดสู้โดยใช้กฏหมายเล่นงานแจรันและเหล่าลูกสมุนข้อหาพยายามฆ่าตูริม แต่ตูริมไม่อยากเอาความเพราะเห็นแก่อีฮยอน ขณะที่อีคยองลงทุนคุกเข่าขอร้องแม่คังจูให้ยอมละเว้นแม่ของตน ทำให้แจรันถูกปล่อยตัวในที่สุด

หลังจัดการเรื่องยุ่งๆ ของครอบครัวแล้ว คังจูก็หันมาจัดการเรื่องหัวใจตน แม้คังจูและตูริมจะกลับมาคืนดี กันอีกครั้งแต่ทุกอย่างกลับไม่ราบรื่นอย่างที่คิด มิหนำซ้ำยังมีเหตุให้ต้องพรัดพรากจากกันอีกครั้ง สุดท้ายแล้วคังจูและตูริมจะได้กลับมาครองรักกันหรือไม่ บทสรุปของละครเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ใน "คำสาปร้ายวิวาห์รัก (Bride of the Century)" ทางช่องพีพีทีวี

* เนื้อหาโดย luvasianseries

นักแสดง



ยาง จินซอง
รับบท จาง อีคยอง / นา ตูริม



ลี จุนกี
รับบท ชเว คังจู



ชเว อิลฮวา
รับบท ชเว อิลโด



ซองฮยอก
รับบท จาง อีฮยอน



จาง อาฮยอน
รับบท ลี รูมี




(ซ้าย) คิม ซอรา รับบท คิม มยองฮี (ขวา) ชิน อึนจอง รับบท มา แจรัน





* ดูคลิปเพลงประกอบได้ ที่นี่

*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา